100 วิธี ติดอันดับ Google Map หน้าแรก
การทำให้ธุรกิจหรือสถานที่ของคุณขึ้น Google Maps ในหน้าแรก หรือที่เรียกว่า Local SEO เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้คนค้นหาธุรกิจของคุณเจอได้ง่ายขึ้นเมื่อค้นหาผ่าน Google Search หรือ Google Maps โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนและเทคนิคต่อไปนี้:
1. ลงทะเบียนธุรกิจใน Google My Business (GMB)
- ไปที่เว็บไซต์ Google My Business แล้วลงทะเบียนธุรกิจของคุณ หากธุรกิจของคุณมีอยู่แล้ว ให้ทำการ ยืนยันสถานที่ เพื่อยืนยันว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ
- กรอกข้อมูลธุรกิจให้ครบถ้วน เช่น ชื่อธุรกิจ, ประเภท, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, เวลาทำการ, และเว็บไซต์
- เพิ่มรูปภาพธุรกิจ รวมถึงรูปโลโก้ รูปภายในร้าน รูปสินค้า/บริการ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือ
2. ใส่ข้อมูลที่มีความสอดคล้องและถูกต้อง
- ใช้ ชื่อธุรกิจ ที่ตรงตามจริง และเป็นที่รู้จัก อย่าใส่คีย์เวิร์ดหรือข้อความที่ไม่จำเป็นในชื่อธุรกิจ
- ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ต้องถูกต้องตามจริงและอัปเดตเสมอ (ตรงกับข้อมูลที่แสดงในเว็บไซต์หรือช่องทางอื่นๆ)
3. เพิ่มคำอธิบายธุรกิจที่ชัดเจนและน่าสนใจ
- ใช้ คำอธิบายธุรกิจ ที่ชัดเจน โดยระบุประเภทของธุรกิจ สินค้าและบริการหลัก และคำอธิบายอื่นๆ ที่ดึงดูดลูกค้า ควรใช้คีย์เวิร์ดหลักที่ลูกค้าอาจใช้ค้นหา
4. เพิ่มรีวิวและการตอบกลับ
- ขอให้ลูกค้าที่พอใจในบริการเขียน รีวิว เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ การมีรีวิวที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และช่วยให้ธุรกิจมีอันดับที่ดีขึ้นใน Google Maps
- ตอบกลับรีวิวทั้งเชิงบวกและลบ เพื่อแสดงความใส่ใจต่อความคิดเห็นของลูกค้า
5. ตรวจสอบความสม่ำเสมอของข้อมูล (NAP Consistency)
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูล ชื่อ (Name), ที่อยู่ (Address), และเบอร์โทรศัพท์ (Phone) ตรงกันบนทุกแพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และไดเรกทอรีอื่นๆ
6. การเพิ่มข้อมูลตำแหน่งและเนื้อหาที่สอดคล้องกับคำค้นหา
- เพิ่ม คีย์เวิร์ดท้องถิ่น (Local Keywords) เช่น ชื่อเมือง เขต หรือตำบลในคำอธิบายหรือคอนเทนต์ของคุณ เพื่อให้สอดคล้องกับการค้นหาในท้องถิ่น
- อัปเดต โพสต์ใน GMB อย่างสม่ำเสมอ เช่น ข่าวสาร โปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษ
7. เพิ่ม Backlink และ Citation
- สร้าง Backlink จากเว็บไซต์ท้องถิ่นหรือไดเรกทอรีที่มีชื่อเสียง จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์ของคุณ
- เพิ่ม Citation ของธุรกิจในเว็บไซต์ท้องถิ่นหรือไดเรกทอรีออนไลน์ที่เชื่อถือได้ เช่น Wongnai, Pantip หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
8. การปรับปรุงเว็บไซต์ (On-Page SEO)
- ใช้คีย์เวิร์ดท้องถิ่นในเว็บไซต์ เช่น การใส่ชื่อเมืองหรือตำแหน่งในเนื้อหา, Title Tag, Meta Description, และ Headings
- เพิ่ม แผนที่ Google Maps ในหน้าเว็บไซต์ของคุณพร้อมที่อยู่ชัดเจน
การทำ Local SEO อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสขึ้นอันดับใน Google Maps และดึงดูดลูกค้าท้องถิ่นได้มากขึ้น
นอกจากขั้นตอนที่กล่าวไปแล้ว การพัฒนา Local SEO ให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นบน Google Maps ยังสามารถเสริมด้วยเทคนิคและแนวทางต่อไปนี้เพื่อให้มีโอกาสขึ้นหน้าแรกได้มากขึ้น:
9. เพิ่มหมวดหมู่และบริการที่เกี่ยวข้อง
- ใน Google My Business คุณสามารถเพิ่มหมวดหมู่หลัก (Primary Category) และหมวดหมู่รอง (Additional Categories) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นร้านอาหาร คุณสามารถเพิ่มหมวดหมู่เช่น “Restaurant,” “Thai Food,” “Coffee Shop,” เป็นต้น
- อย่าลืมเพิ่มรายการบริการ (Services) และสินค้าที่คุณขาย รวมถึงคำอธิบายที่สื่อถึงจุดเด่นของธุรกิจ
10. การใส่ Geo-Tag ให้กับรูปภาพ
- เมื่ออัปโหลดรูปภาพใน GMB ควรใส่ข้อมูลพิกัด (Geo-Tag) ลงในรูปภาพ ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ฟรี เช่น Geoimgr หรือเครื่องมือแก้ไขรูปภาพ
- ภาพที่มี Geo-Tag จะช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้องของธุรกิจของคุณกับพื้นที่นั้นๆ ทำให้ Google สามารถระบุธุรกิจของคุณในแผนที่ได้ง่ายขึ้น
11. สร้างเว็บไซต์ที่ปรับปรุงให้เหมาะกับมือถือ
- เว็บไซต์ที่สามารถแสดงผลได้ดีบนมือถือ (Mobile-Friendly) จะส่งผลให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นใน Google Search และ Google Maps เพราะปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มักค้นหาข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน
- ตรวจสอบความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์ (Page Speed) ซึ่งส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และการจัดอันดับของ Google
12. การสร้าง Content ในท้องถิ่น (Local Content)
- สร้างบทความหรือคอนเทนต์ที่เน้นข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ เช่น “ร้านอาหารอร่อยในเขต XYZ” หรือ “แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ธุรกิจของเรา” เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้คนพบเจอธุรกิจของคุณเมื่อค้นหาข้อมูลในพื้นที่
- การใส่ข้อมูลท้องถิ่นลงในบล็อกโพสต์บนเว็บไซต์ของคุณ สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจกับคำค้นหาท้องถิ่นได้
13. สร้างโซเชียลมีเดียที่เชื่อมโยงกับ Google My Business
- เชื่อมต่อธุรกิจของคุณกับโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและการเข้าถึงลูกค้าทางออนไลน์
- ใส่ลิงก์ของ Google Maps บนหน้าโปรไฟล์ของโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสามารถหาคุณเจอได้ง่ายขึ้น
14. ใช้ UTM Tracking เพื่อวัดผลการคลิก
- เมื่อสร้างลิงก์ Google Maps ควรเพิ่ม UTM Parameters เพื่อติดตามว่าลูกค้าคลิกมาจากแหล่งใด ซึ่งจะช่วยให้คุณประเมินผลได้ว่าแคมเปญโฆษณาหรือคอนเทนต์ไหนที่ได้ผลดีที่สุด
15. อัปเดตและรักษาความสม่ำเสมอของข้อมูล
- ตรวจสอบข้อมูลใน Google My Business ของคุณเป็นประจำ เช่น เวลาเปิด-ปิด, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, โปรโมชั่นใหม่ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นข้อมูลล่าสุดและถูกต้อง
- การอัปเดตข้อมูลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยให้ธุรกิจของคุณถูกจัดอันดับที่ดีขึ้นบน Google Maps
16. ใช้ Google Posts ให้เป็นประโยชน์
- Google My Business มีฟีเจอร์ “Posts” ที่ช่วยให้คุณสามารถอัปเดตข้อมูล ข่าวสาร โปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษได้บ่อยๆ การอัปเดตอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ธุรกิจของคุณจะปรากฏในการค้นหาที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น
17. ใช้ Schema Markup บนเว็บไซต์
- การใช้ Schema Markup บนเว็บไซต์จะช่วยให้ Google สามารถเข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท้องถิ่น เช่น ชื่อธุรกิจ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, และเวลาทำการ การใส่ข้อมูลเหล่านี้ให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีโอกาสขึ้นหน้าแรกมากขึ้น
18. การจัดการเชิงกลยุทธ์กับคู่แข่ง
- ทำการวิจัยคู่แข่งที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ตรวจสอบว่าพวกเขามีข้อมูลใดใน Google My Business ที่ทำให้มีอันดับดี เช่น รูปภาพ, รีวิว, คีย์เวิร์ดที่ใช้ หรือการใช้โซเชียลมีเดีย
- การนำข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณสามารถช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน
การนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Google Maps มากขึ้น รวมถึงดึงดูดผู้ค้นหาในพื้นที่ให้เข้ามาเยี่ยมชมธุรกิจของคุณได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากกลยุทธ์ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Google Maps ได้มากขึ้นดังนี้:
19. การใช้คำถามและคำตอบใน Google My Business (Q&A)
- ใน Google My Business มีฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามได้ (Q&A) คุณสามารถใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อเพิ่มข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้า เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับบริการ ผลิตภัณฑ์ หรือที่ตั้งของธุรกิจ
- สร้างคำถามและตอบด้วยตัวเองเกี่ยวกับคำถามที่ลูกค้าพบบ่อย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและให้ข้อมูลที่ครบถ้วน
20. เพิ่มวิดีโอใน Google My Business
- การเพิ่ม วิดีโอ ลงในโปรไฟล์ธุรกิจของคุณใน Google My Business จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การนำเสนอภายในร้าน แนะนำบริการ หรือพูดคุยกับลูกค้า
- วิดีโอช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดความสนใจได้มากกว่าภาพนิ่ง
21. เพิ่มข้อมูลเหตุการณ์หรือกิจกรรมในท้องถิ่น
- ถ้าธุรกิจของคุณมีการจัดกิจกรรมหรือเข้าร่วมงานอีเวนต์ท้องถิ่น เช่น เทศกาล งานออกร้าน หรือการประชุม ควรเพิ่มข้อมูลเหล่านี้ในโพสต์ของ Google My Business รวมถึงโปรโมทกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ ด้วย
- การเข้าร่วมกิจกรรมในท้องถิ่นจะช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงของธุรกิจคุณกับชุมชน ทำให้ Google มองเห็นว่าคุณมีส่วนร่วมกับพื้นที่นั้น
22. การใช้ Virtual Tour หรือ Street View ใน Google My Business
- การสร้าง Virtual Tour หรือการใช้ Google Street View ภายในสถานที่ของคุณ จะช่วยให้ลูกค้ามีภาพที่ชัดเจนและรู้สึกเหมือนมาเยี่ยมชมสถานที่จริงๆ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการเลือกใช้บริการของคุณ
- การเพิ่ม Virtual Tour ยังเป็นการเสริมภาพลักษณ์ให้ธุรกิจมีความเป็นมืออาชีพและใส่ใจลูกค้า
23. เพิ่มหมุดสถานที่ของคุณบนแพลตฟอร์มอื่นๆ
- นอกจาก Google Maps คุณควรเพิ่มหมุดของสถานที่บนแพลตฟอร์มแผนที่อื่นๆ เช่น Apple Maps, Bing Maps หรือ Waze ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสถูกพบในหลายช่องทางและขยายการเข้าถึง
24. ตรวจสอบและติดตามผลการจัดอันดับ
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics และ Google Search Console เพื่อตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณได้รับการเข้าชมจากการค้นหาท้องถิ่นหรือไม่ และวัดผลจากคลิกที่นำไปยังเว็บไซต์ของคุณ
- ตรวจสอบ Google Insights ใน Google My Business เพื่อดูสถิติการเข้าชม การค้นหา และการโทรศัพท์จากลูกค้า คุณจะเห็นข้อมูลที่ช่วยให้วางกลยุทธ์ได้ดีขึ้น
25. เน้นการสร้างบทวิจารณ์และการขอบคุณลูกค้า
- ขอรีวิวจากลูกค้าทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ การมีรีวิวบวกจำนวนมากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจ
- ตอบกลับรีวิวทุกครั้งด้วยการขอบคุณลูกค้า และแก้ไขปัญหาหรือคำติชมอย่างมืออาชีพ การตอบกลับนี้แสดงถึงความใส่ใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
26. สร้างลิงก์สำหรับขอรีวิว
- สร้างลิงก์พิเศษสำหรับให้ลูกค้าเขียนรีวิวได้ง่ายขึ้น โดยสามารถทำได้ใน Google My Business และแชร์ลิงก์นี้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งทางอีเมล
- การทำให้การรีวิวสะดวกสำหรับลูกค้า จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับรีวิวบวกมากขึ้น
27. ติดตั้ง Google Business Messages
- Google Business Messages เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถแชทกับคุณได้โดยตรงผ่านโปรไฟล์ Google My Business ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกและความเป็นกันเองในการติดต่อธุรกิจ
- การตอบแชทอย่างรวดเร็วและเป็นมิตรจะช่วยสร้างความประทับใจและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
28. สร้างหน้า Landing Page ท้องถิ่นสำหรับแต่ละสาขา
- หากธุรกิจของคุณมีหลายสาขา ควรสร้างหน้า Landing Page สำหรับแต่ละสาขาพร้อมที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลบริการเฉพาะที่สาขานั้น
- การทำ Local Landing Page จะช่วยเพิ่มความเฉพาะเจาะจงในคีย์เวิร์ดและปรับปรุงการจัดอันดับในท้องถิ่นได้
เทคนิคเหล่านี้เป็นการเสริมเพิ่มเติมจากกลยุทธ์หลักที่ได้แนะนำไป เพื่อเพิ่มโอกาสที่ธุรกิจของคุณจะติดหน้าแรกบน Google Maps อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นครับ
การทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นบน Google Maps และหน้าแรกของ Google ยังมีเทคนิคที่สามารถนำไปใช้เพิ่มเติมได้อีกครับ:
29. การสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ท้องถิ่น
- การสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) จากเว็บไซต์หรือบล็อกที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ท้องถิ่น เช่น เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น บล็อกเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ หรือเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและยืนยันถึงการเชื่อมโยงของธุรกิจกับพื้นที่นั้นๆ ในสายตาของ Google
- การมี Backlinks ที่มีคุณภาพจะส่งผลต่อการจัดอันดับใน Google Search และ Google Maps
30. การจัดโปรโมชั่นพิเศษใน Google My Business
- ใช้ฟีเจอร์ “Offer” หรือ “โปรโมชั่น” บน Google My Business เพื่อสร้างข้อเสนอพิเศษที่น่าสนใจให้กับลูกค้า เช่น ส่วนลดพิเศษ สินค้าลดราคา หรือบริการพิเศษ การจัดโปรโมชั่นจะช่วยเพิ่มการคลิกและการเข้าชมหน้าร้านของคุณ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อเสนอพิเศษของคุณมีวันหมดอายุชัดเจนและน่าสนใจเพียงพอ
31. การสร้าง Micro-Moments บนมือถือ
- Google เน้นเรื่อง Micro-Moments ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาสำคัญที่ลูกค้าต้องการค้นหาข้อมูลหรือดำเนินการใดๆ ผ่านมือถือ เช่น การค้นหาสถานที่ใกล้เคียง ร้านอาหารใกล้ฉัน หรือบริการเร่งด่วน คุณสามารถเน้นการสร้างประสบการณ์เหล่านี้ผ่านคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เช่น “ร้านกาแฟใกล้ฉันที่เปิดตอนกลางคืน”
- การใช้คำค้นหาเหล่านี้ในโพสต์บน Google My Business หรือในเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มการปรากฏของธุรกิจเมื่อผู้ใช้งานค้นหาในช่วงเวลานั้นๆ
32. การใช้ Google Ads เพื่อโปรโมท Google My Business
- คุณสามารถใช้ Google Ads เพื่อโฆษณาโปรไฟล์ Google My Business ของคุณโดยตรง โดยเน้นคำค้นหาท้องถิ่น เช่น “ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ในเมือง XYZ” หรือ “โรงแรมราคาถูกในตัวเมือง ABC”
- การใช้ Google Ads จะช่วยเพิ่มโอกาสให้โปรไฟล์ Google My Business ของคุณปรากฏขึ้นในผลการค้นหาในอันดับต้นๆ และดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ
33. การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดท้องถิ่นที่มีการค้นหาสูง
- ใช้เครื่องมือ SEO เช่น Google Keyword Planner หรือ Ahrefs เพื่อค้นหาคำค้นหาท้องถิ่นที่มีปริมาณการค้นหาสูง คำเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในคอนเทนต์ โพสต์ รีวิว และคำอธิบายของ Google My Business ของคุณ
- ตัวอย่างคำค้นหาเช่น “ร้านอาหารอร่อยย่าน XYZ” หรือ “สถานที่เที่ยวใกล้เมือง ABC” การใส่คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกค้นพบมากขึ้น
34. ตรวจสอบข้อมูล NAP (Name, Address, Phone) ให้สอดคล้องกัน
- ข้อมูล NAP หรือชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของธุรกิจ ควรสอดคล้องและเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์หลัก โซเชียลมีเดีย และไดเร็กทอรีต่างๆ ข้อมูลที่ไม่ตรงกันอาจทำให้ Google ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความถูกต้องของธุรกิจของคุณ
- ความสอดคล้องของข้อมูล NAP มีผลโดยตรงต่อการจัดอันดับใน Local SEO ของ Google Maps
35. ทำการตลาดกับ Influencer ในพื้นที่
- การร่วมงานกับ Influencer หรือ Blogger ที่มีอิทธิพลในพื้นที่สามารถช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ และสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) ได้ดี
- คุณสามารถเชิญ Influencer มารีวิวหรือโปรโมทธุรกิจของคุณบนโซเชียลมีเดียและแนะนำให้พวกเขาแท็กตำแหน่งที่ตั้งของคุณใน Google Maps
36. สร้าง QR Code ที่เชื่อมโยงกับ Google Maps
- สร้าง QR Code ที่ลิงก์ไปยัง Google Maps โปรไฟล์ของคุณ และใช้ QR Code นี้ในการโปรโมท เช่น บนโบรชัวร์ ใบปลิว เมนู หรือบนหน้าร้าน
- การใช้ QR Code ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลและการให้รีวิวได้ง่ายขึ้น
37. สร้างลิงก์สั้นๆ และ URL ที่จำง่าย
- สร้างลิงก์สั้นๆ หรือ URL ที่จำง่ายเพื่อให้ลูกค้าค้นหาและเข้าถึงโปรไฟล์ Google My Business ของคุณได้สะดวกขึ้น ตัวอย่างเช่น bit.ly/YourBusinessName
- คุณสามารถใช้ URL นี้ในการโฆษณาหรือโปรโมทธุรกิจผ่านโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ
38. ตรวจสอบการใช้ Structured Data และ JSON-LD
- ใช้ Structured Data และ JSON-LD ในเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ Google เข้าใจโครงสร้างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น ข้อมูลที่ตั้ง เวลาเปิดปิด เมนูบริการ เป็นต้น
- การใช้ Structured Data ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงผลเป็น Rich Snippet ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกคลิกได้มากขึ้น
39. วิเคราะห์ผลการดำเนินการและปรับปรุงต่อเนื่อง
- ตรวจสอบผลลัพธ์ของแผนการทำ Local SEO ของคุณเป็นประจำ เช่น ปริมาณการคลิก การเข้าชม การโทรติดต่อ การขอเส้นทาง และการค้นหา
- ปรับปรุงกลยุทธ์และเนื้อหาให้สอดคล้องกับผลวิเคราะห์และคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการค้นหาของลูกค้าอยู่เสมอ
หากคุณทำตามกลยุทธ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสในการปรากฏตัวบนหน้าแรกของ Google Maps ได้มากยิ่งขึ้นและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ให้มาสนใจธุรกิจของคุณมากขึ้นครับ
และยังมีเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดอันดับธุรกิจบน Google Maps อีกหลายข้อ ดังนี้:
40. ตรวจสอบและจัดการ Duplicate Listings
- ตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณไม่มีรายการซ้ำ (Duplicate Listings) บน Google My Business เพราะข้อมูลซ้ำจะส่งผลให้ Google สับสนและอาจลดอันดับของธุรกิจลง ควรจัดการลบหรือรวมรายการซ้ำๆ ให้เหลือเพียงหนึ่งรายการที่เป็นทางการ
- การมีข้อมูลที่ถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อนจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google
41. สร้างบล็อกหรือบทความที่เจาะจงเกี่ยวกับพื้นที่ท้องถิ่น
- สร้างเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่นหรือกิจกรรมในพื้นที่ เช่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร การเดินทาง หรือกิจกรรมที่จัดขึ้นในพื้นที่ของคุณ
- การเพิ่มบทความที่เจาะจงเกี่ยวกับพื้นที่ท้องถิ่นจะช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงกับการค้นหาท้องถิ่นและสร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่ค้นหาข้อมูลในพื้นที่นั้น
42. สร้างรายการสถานที่แนะนำที่อยู่ใกล้เคียง (Nearby Recommendations)
- คุณสามารถแนะนำสถานที่ที่น่าสนใจใกล้เคียงธุรกิจของคุณในโปรไฟล์ Google My Business หรือในเว็บไซต์ เพื่อดึงดูดผู้ที่สนใจเข้ามายังพื้นที่ของคุณ เช่น การแนะนำร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว หรือจุดเด่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียง
- การสร้างการเชื่อมโยงกับสถานที่อื่นๆ ที่น่าสนใจจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ค้นหาพบธุรกิจของคุณ
43. เพิ่มแผนที่ (Custom Maps) ลงในเว็บไซต์ของคุณ
- คุณสามารถเพิ่มแผนที่ Google Maps ที่แสดงตำแหน่งของธุรกิจลงในหน้าเว็บไซต์ของคุณ การทำเช่นนี้ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถค้นหาตำแหน่งของคุณได้ง่ายขึ้น และยังส่งสัญญาณเชิงบวกไปยัง Google ในเรื่องของการยืนยันที่ตั้ง
- นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่ม “หมุดแผนที่” สำหรับจุดที่น่าสนใจใกล้เคียงเพื่อดึงดูดความสนใจได้อีกด้วย
44. เปิดใช้งาน Google Posts อย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ฟีเจอร์ Google Posts ใน Google My Business เพื่อสร้างโพสต์อัปเดตเกี่ยวกับโปรโมชั่น ข้อมูลข่าวสาร กิจกรรม หรือการแจ้งเตือนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- การโพสต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้โปรไฟล์ธุรกิจของคุณมีความเคลื่อนไหวและยังช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ค้นหาได้รู้จักธุรกิจมากยิ่งขึ้น
45. การเพิ่ม UTM Parameters ในลิงก์ Google My Business
- คุณสามารถใช้ UTM Parameters ในลิงก์ของ Google My Business เพื่อวัดผลลัพธ์ของการคลิกและการเข้าชมจากผู้ใช้ที่ค้นหาธุรกิจของคุณ เช่น การเพิ่ม UTM ในลิงก์ที่นำไปยังเว็บไซต์หรือหน้าโปรโมชั่น
- การใช้ UTM จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลและประสิทธิภาพการโปรโมตบน Google My Business ได้อย่างชัดเจน
46. ตรวจสอบว่า Google My Business ของคุณตรงกับ Schema Markup บนเว็บไซต์
- ตรวจสอบว่าข้อมูลของ Google My Business ของคุณสอดคล้องกับ Schema Markup บนเว็บไซต์ของคุณ เช่น การใช้ schema.org สำหรับข้อมูลชื่อธุรกิจ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ (NAP) ให้เหมือนกันทั้งในเว็บไซต์และ Google My Business
- การจัดการข้อมูลด้วย Schema Markup จะช่วยให้ Google เข้าใจข้อมูลของธุรกิจคุณได้ดียิ่งขึ้นและอาจเพิ่มโอกาสการแสดงผลเป็น Rich Snippet
47. การตั้งค่า Google Alerts สำหรับชื่อธุรกิจ
- ตั้งค่า Google Alerts สำหรับชื่อธุรกิจ ชื่อเจ้าของธุรกิจ หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีบทความหรือการกล่าวถึงธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์
- การติดตาม Google Alerts จะช่วยให้คุณสามารถจัดการภาพลักษณ์และข้อมูลของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถตอบสนองต่อการรีวิวหรือการกล่าวถึงได้ทันท่วงที
48. สร้างระบบอีเมลที่โปรโมท Google My Business
- ใช้การทำ Email Marketing เพื่อโปรโมท Google My Business ของคุณโดยเชิญชวนให้ลูกค้าเขียนรีวิว แชร์โปรโมชั่นใหม่ หรืออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ
- การสร้างระบบอีเมลช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มการมีส่วนร่วมได้
49. เพิ่มฟีเจอร์ “Book Now” หรือ “Appointment Scheduling” ใน Google My Business
- หากธุรกิจของคุณมีบริการที่ต้องทำการจองล่วงหน้า เช่น ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย หรือบริการนวด สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ Book Now หรือการจองผ่าน Google My Business เพื่อให้ลูกค้าจองได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การจัดการการจองเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและสะดวกทั้งสำหรับคุณและลูกค้า
50. ปรับปรุงและอัปเดตโปรไฟล์อย่างต่อเนื่อง
- หมั่นตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลใน Google My Business อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มภาพใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงข้อมูลเวลาทำการ หรือปรับข้อมูลเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ
- การอัปเดตโปรไฟล์อย่างต่อเนื่องแสดงถึงความใส่ใจของคุณต่อลูกค้าและทำให้ธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือและทันสมัย
การผสมผสานเทคนิคต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสสูงขึ้นในการปรากฏบนหน้าแรกของ Google Maps และเพิ่มการรับรู้จากกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
51. ใช้บริการ Google Ads เพื่อโปรโมท Google My Business
- การใช้ Google Ads สามารถเพิ่มการเข้าถึงและมองเห็นธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถกำหนดเป้าหมายให้โฆษณาของคุณแสดงผลในแผนที่ Google หรือการค้นหาใน Google โดยเฉพาะได้
- การใช้ Google Ads ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้
52. สร้างหน้า Landing Page ที่เฉพาะเจาะจง
- การสร้าง Landing Page บนเว็บไซต์ของคุณที่สอดคล้องกับ Google My Business โดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ได้ดีขึ้น เช่น หน้าเกี่ยวกับแต่ละสาขาของธุรกิจที่มีที่อยู่เฉพาะ
- หน้า Landing Page ควรประกอบไปด้วยข้อมูลตำแหน่งที่ชัดเจน คำอธิบายธุรกิจ ภาพถ่าย และรีวิวจากลูกค้า
53. ใช้ Google Trends วิเคราะห์คีย์เวิร์ดท้องถิ่น
- ใช้ Google Trends เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดท้องถิ่นใดที่กำลังเป็นที่นิยมในพื้นที่ของคุณและสร้างเนื้อหาหรือโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความสนใจของลูกค้า
- การเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับความสนใจท้องถิ่นช่วยเพิ่มการมองเห็นใน Google Maps และการค้นหา
54. ใช้ Google Posts เพื่อแสดงรายการสินค้าหรือบริการ
- นอกจากโพสต์โปรโมชั่นหรือข่าวสารแล้ว คุณยังสามารถใช้ Google Posts เพื่อแสดงรายการสินค้าใหม่หรือบริการพิเศษที่คุณมี ให้ผู้ค้นหาเห็นสินค้าและรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- โพสต์สินค้าและบริการโดยตรงช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ที่ค้นหาผลิตภัณฑ์เฉพาะได้
55. เข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่นและเชื่อมโยงกับ Google My Business
- การเข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่น เช่น งานเทศกาล ชมรม หรือการกุศลในชุมชน และทำการบันทึกกิจกรรมเหล่านั้นใน Google My Business เป็นโพสต์หรือภาพถ่าย
- การแสดงการเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นจะสร้างความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์กับลูกค้าท้องถิ่นได้ดีขึ้น
56. การทำ Link Building เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ท้องถิ่น
- พิจารณาสร้างลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์ท้องถิ่น เช่น เว็บไซต์ขององค์กรการค้า สมาคมท้องถิ่น หรือเว็บไซต์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง
- การสร้างลิงก์คุณภาพจากเว็บไซต์ท้องถิ่นช่วยเพิ่มพลังให้กับการทำ SEO และความเชื่อมโยงในสายตาของ Google
57. ใช้ Chatbot เพื่อให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์
- ติดตั้ง Chatbot บนเว็บไซต์หรือผ่าน Google My Business เพื่อให้ข้อมูลและตอบคำถามลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ เช่น ข้อมูลเวลาทำการ โปรโมชั่น หรือทิศทางในการเดินทางไปยังธุรกิจของคุณ
- การมีบริการตอบคำถามอัตโนมัติทำให้ลูกค้าได้รับข้อมูลทันทีและเพิ่มประสบการณ์ที่ดี
58. สร้างความร่วมมือกับ Influencers ท้องถิ่น
- พิจารณาทำงานร่วมกับ Influencers หรือบุคคลที่มีอิทธิพลในพื้นที่ท้องถิ่นให้ช่วยโปรโมทธุรกิจของคุณ เช่น การให้ Influencers รีวิวสถานที่หรือบริการ
- ความร่วมมือกับ Influencers จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มการมองเห็นในกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
59. ปรับแต่งหมุดแผนที่ให้ชัดเจนและถูกต้อง
- ตรวจสอบว่าหมุดแผนที่ใน Google My Business ของคุณตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องอย่างแท้จริง หากมีความคลาดเคลื่อนควรปรับแต่งให้ชัดเจนที่สุด
- การที่หมุดแผนที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันความสับสนและเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ค้นหา
60. ใช้ Google Street View เพื่อแสดงภาพถนนหรือมุมมองของธุรกิจ
- หากธุรกิจของคุณมีมุมที่น่าสนใจ คุณสามารถใช้ Google Street View เพื่อแสดงมุมมองเสมือนจริงของสถานที่หรือภายในธุรกิจของคุณ
- ภาพ Street View ช่วยให้ผู้ค้นหาเห็นภาพจริงของสถานที่และมั่นใจในการเดินทางไปยังธุรกิจของคุณ
การผสมผสานเทคนิคเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในหน้าแรกของ Google Maps และสร้างการรับรู้ที่กว้างขวางและเป็นมิตรต่อผู้ค้นหาได้มากยิ่งขึ้นครับ

ยังมีเทคนิคเพิ่มเติมที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำให้ธุรกิจของคุณปรากฏบน Google Maps หน้าแรกได้อีกหลายข้อ
61. ขอให้ลูกค้าถ่ายภาพเมื่อมาใช้บริการ
- แนะนำให้ลูกค้าถ่ายภาพเมื่อมาใช้บริการที่ร้านและอัปโหลดภาพเหล่านั้นไปยัง Google Maps ผ่านการรีวิว การมีภาพถ่ายจากลูกค้าจะเพิ่มความน่าเชื่อถือและยังเพิ่มโอกาสให้คนอื่นเห็นสถานที่จริงได้ชัดเจน
- Google ให้ความสำคัญกับรีวิวและภาพถ่ายที่มาจากผู้ใช้จริง ดังนั้นยิ่งมีภาพที่แท้จริงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
62. การใช้ฟีเจอร์ Q&A บน Google My Business
- ฟีเจอร์ Q&A ใน Google My Business ช่วยให้ลูกค้าสามารถถามคำถามเกี่ยวกับธุรกิจของคุณและคุณสามารถตอบกลับได้ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีในการตอบข้อสงสัยและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้า
- คำถามและคำตอบที่ให้ข้อมูลที่มีคุณค่าจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดความสับสนของลูกค้าได้
63. การอัปเดตความเคลื่อนไหวด้วย Google Events
- หากธุรกิจของคุณจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น โปรโมชั่น เปิดตัวสินค้าใหม่ หรือการจัดงานเฉลิมฉลอง คุณสามารถสร้าง Events ผ่าน Google My Business ได้
- การเพิ่มกิจกรรมใน Google Events จะช่วยให้ลูกค้าที่ค้นหาธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดและตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ทันที
64. การนำเสนอวิดีโอทัวร์สถานที่
- นอกจากภาพถ่ายแล้ว คุณยังสามารถอัปโหลด วิดีโอทัวร์ ที่แสดงสถานที่หรือบริการต่างๆ ของธุรกิจผ่าน Google My Business วิดีโอที่มีคุณภาพจะช่วยให้ลูกค้าเห็นบรรยากาศจริงและรู้สึกเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น
- วิดีโอยังสามารถเป็นจุดดึงดูดที่ดีเมื่อมีผู้ค้นหาธุรกิจบน Google Maps
65. ตอบคำถามใน Google My Business Review อย่างรวดเร็ว
- การตอบรีวิวโดยเฉพาะรีวิวที่เป็นเชิงลบอย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพ จะช่วยแสดงถึงความใส่ใจของธุรกิจคุณ และลดความรู้สึกเชิงลบของลูกค้าที่อาจเห็นรีวิวเหล่านั้น
- Google ยังให้ความสำคัญกับการตอบรีวิว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับบน Google Maps
66. การแสดงใบอนุญาตหรือรางวัลในโปรไฟล์
- หากธุรกิจของคุณได้รับใบอนุญาตหรือรางวัลที่เกี่ยวข้อง ควรแสดงข้อมูลเหล่านี้ในโปรไฟล์ Google My Business เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงถึงคุณภาพของธุรกิจ
- การเพิ่มรางวัลหรือใบอนุญาตจะสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจจากผู้ค้นหา
67. ใช้ข้อมูลวิเคราะห์ (Insights) เพื่อวางกลยุทธ์
- ใช้ Google My Business Insights เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชม คำค้นหาที่นำผู้ใช้มายังโปรไฟล์ของคุณ และวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับโปรไฟล์ของคุณ การใช้ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลทำให้คุณสามารถตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุนได้ดีขึ้น
68. สร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ใน YouTube แล้วลิงก์ไปยังโปรไฟล์ Google My Business
- สร้างเนื้อหาวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณบน YouTube เช่น วิดีโอแนะนำบริการ รีวิวจากลูกค้า หรือเบื้องหลังการทำงาน จากนั้นเพิ่มลิงก์ไปยัง Google My Business ในคำอธิบายวิดีโอ
- การลิงก์ไปยังโปรไฟล์ของคุณจะช่วยเพิ่ม Traffic และยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ค้นหาเห็นธุรกิจของคุณมากขึ้น
69. การตั้งค่าการจองออนไลน์ผ่าน Google Booking
- หากธุรกิจของคุณให้บริการที่ต้องทำการจอง เช่น ร้านอาหาร หรือร้านเสริมสวย คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Google Booking เพื่อให้ลูกค้าจองบริการได้ทันทีผ่านโปรไฟล์ Google My Business ของคุณ
- ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความสะดวกและเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าตัดสินใจจองบริการกับธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
70. ใช้ภาพถ่ายพาโนรามาเพื่อแสดงสถานที่
- การใช้ ภาพถ่ายพาโนรามา (Panorama Images) เพื่อแสดงพื้นที่ภายในหรือภายนอกธุรกิจของคุณสามารถเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ เพราะลูกค้าจะได้เห็นบรรยากาศทั้งหมดของสถานที่
- ภาพถ่ายพาโนรามาจะช่วยให้ลูกค้าได้เห็นมุมกว้างของธุรกิจและรู้สึกว่ามีการเตรียมพร้อมสำหรับการเยี่ยมชม
การนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏบนหน้าแรกของ Google Maps และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้มากขึ้นครับ
71. แสดงข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียง
- หากธุรกิจของคุณตั้งอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือสถานีขนส่ง ควรระบุข้อมูลนี้ในโปรไฟล์ของคุณ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับธุรกิจ และช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- การเชื่อมโยงกับสถานที่ใกล้เคียงช่วยให้ผู้ค้นหามีภาพรวมของพื้นที่โดยรอบได้ดีขึ้น
72. จัดทำวิดีโอคำแนะนำเส้นทาง
- สร้างวิดีโอที่แสดงเส้นทางการเดินทางมายังธุรกิจของคุณ โดยอธิบายเส้นทางที่ง่ายและจุดสังเกตที่ชัดเจน
- วิดีโอนี้สามารถอัปโหลดไปยังโปรไฟล์ Google My Business หรือเว็บไซต์เพื่อช่วยให้ลูกค้าเดินทางมาหาคุณได้สะดวกขึ้น
73. เพิ่มฟีเจอร์ Direct Messaging
- เปิดใช้งาน Direct Messaging บนโปรไฟล์ Google My Business ของคุณ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทันทีจากหน้าโปรไฟล์
- การมีช่องทางการสื่อสารแบบเรียลไทม์จะช่วยเพิ่มความสะดวกและทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจ
74. ใช้ฟีเจอร์ Welcome Offer เพื่อสร้างความประทับใจ
- ใช้ฟีเจอร์ Welcome Offer บน Google My Business เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้าที่กดติดตามธุรกิจของคุณ เช่น ส่วนลดหรือโปรโมชั่น
- การให้ข้อเสนอพิเศษทันทีที่ลูกค้าติดตามธุรกิจจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
75. ทำรายการสินค้าแบบ 3D Virtual Tour
- ใช้ 3D Virtual Tour ในการแสดงสถานที่หรือสินค้า โดยเฉพาะสำหรับร้านค้า โรงแรม หรือธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าเห็นสินค้าหรือบริการในมุมมองแบบ 360 องศา
- Virtual Tour สามารถเพิ่มความมั่นใจและสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่กำลังพิจารณาธุรกิจของคุณ
76. เพิ่มโปรโมชั่นตามฤดูกาล
- ระบุโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเวลาต่างๆ เช่น ส่วนลดปีใหม่ หรือโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเทศกาลที่ตรงกับธุรกิจของคุณ โดยใช้ฟีเจอร์ Google Posts หรืออัปเดตใน Google My Business
- การมีโปรโมชั่นตามฤดูกาลช่วยเพิ่มความน่าสนใจและการเข้าถึงจากผู้ที่ค้นหา
77. ขอคำแนะนำจาก Local Guide ระดับสูง
- เข้าหาคนที่เป็น Google Local Guides ระดับสูงในพื้นที่ของคุณ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงโปรไฟล์ธุรกิจ หรือเพื่อให้พวกเขารีวิวธุรกิจของคุณ
- การได้รับคำแนะนำและรีวิวจาก Local Guide ที่มีประสบการณ์จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google
78. สร้างโพสต์เนื้อหาการให้ความรู้
- แบ่งปันเนื้อหาที่ให้ความรู้หรือคำแนะนำเกี่ยวกับบริการของคุณ เช่น เคล็ดลับในการดูแลรถสำหรับอู่ซ่อมรถ หรือวิธีการเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะสม
- เนื้อหาที่เป็นประโยชน์จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ค้นหา
79. ติดตั้ง QR Code ที่เชื่อมต่อกับโปรไฟล์ Google My Business
- สร้าง QR Code ที่ลิงก์ไปยังโปรไฟล์ Google My Business ของคุณ และแปะไว้ที่ธุรกิจของคุณหรือแผ่นพับโฆษณา เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
- QR Code ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงรีวิวหรือดูตำแหน่งที่ตั้งของคุณ
80. เพิ่มแท็กแฮชใน Google Posts
- ในโพสต์ของคุณบน Google My Business ลองใช้ แท็กแฮช (Hashtags) ที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ค้นหาพบโพสต์ของคุณ เช่น #โปรโมชั่นพิเศษ #ซ่อมรถ #ร้านกาแฟใกล้ฉัน
- แท็กแฮชช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้องและการค้นหาในกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง
การนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยเพิ่มการมองเห็นธุรกิจของคุณบน Google Maps และทำให้ธุรกิจโดดเด่นขึ้นในสายตาของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องครับ
81. ติดตั้งฟีเจอร์การจองล่วงหน้า
- ถ้าธุรกิจของคุณรองรับการจองล่วงหน้า เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือคลินิก ให้เพิ่มฟีเจอร์การจองล่วงหน้าผ่าน Google My Business ลูกค้าสามารถจองวันและเวลาเข้ามาใช้บริการได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องไปผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่น
- การเพิ่มฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นถึงความสะดวกและน่าเชื่อถือของธุรกิจคุณ
82. สร้างแผนที่เดินทางแบบกำหนดเอง (Custom Map)
- คุณสามารถสร้างแผนที่แบบกำหนดเองบน Google Maps ซึ่งแสดงตำแหน่งของธุรกิจของคุณ พร้อมเส้นทางหรือสถานที่สำคัญที่อยู่ใกล้เคียง ลูกค้าจะสามารถนำทางจากแผนที่นี้และเข้าใจบริบทของสถานที่ได้มากขึ้น
- แผนที่นี้ยังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาดอื่นๆ
83. ใช้ฟีเจอร์ Store Locator บนเว็บไซต์
- ติดตั้งฟีเจอร์ Store Locator บนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาสาขาหรือที่ตั้งธุรกิจของคุณได้โดยตรงจากเว็บไซต์ โดยเชื่อมโยงกับ Google Maps
- Store Locator ทำให้การค้นหาสาขาที่ใกล้ที่สุดเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า
84. เพิ่มไฟล์ PDF ของเมนูหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องใน Google My Business
- หากธุรกิจของคุณมีเมนูหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น โบรชัวร์รายการสินค้า คำแนะนำ หรือแพ็กเกจบริการ คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ PDF ลงใน Google My Business เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- การมีเอกสารเสริมช่วยสร้างความเข้าใจในบริการหรือสินค้าได้มากขึ้น
85. เชื่อมโยงกับ Google Ads เพื่อสร้างแคมเปญ “Local Campaigns”
- ใช้ Google Ads ในการสร้างแคมเปญโฆษณาประเภท Local Campaigns ที่เน้นการโปรโมทธุรกิจในพื้นที่ใกล้เคียงและแสดงผลใน Google Maps โดยเฉพาะ
- แคมเปญนี้สามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นและดึงดูดลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงให้เข้ามาเยี่ยมชม
86. ใช้ฟีเจอร์ “Plan Your Visit”
- สำหรับธุรกิจที่เป็นจุดท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือสถานที่ที่ลูกค้าต้องการรู้ระยะเวลาการเปิดปิด คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Plan Your Visit บน Google My Business เพื่อแสดงเวลาแนะนำการเยี่ยมชมให้กับลูกค้า
- การแสดงเวลาเหมาะสมที่ควรมาเยี่ยมชมช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนได้ดีขึ้น
87. ใช้ข้อมูลเชิงสถิติเพื่อปรับปรุงการให้บริการ
- ใช้ข้อมูล Google Analytics และข้อมูลเชิงสถิติจาก Google My Business เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าและทำการปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
- ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบถึงข้อบกพร่องหรือโอกาสในการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
88. สร้าง QR Code เชื่อมกับ Google Reviews
- สร้าง QR Code ที่ลิงก์ตรงไปยังหน้า Google Reviews ของธุรกิจ และแจกให้กับลูกค้าหลังการใช้บริการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสแกนและเขียนรีวิวได้ทันที
- เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกในการได้รับรีวิวจากลูกค้า
89. สร้างโปรไฟล์ที่มีหลายภาษา
- หากธุรกิจของคุณมีลูกค้าต่างชาติหรือรองรับการให้บริการในหลายภาษา ควรเพิ่มข้อมูลโปรไฟล์และเนื้อหาที่แสดงใน Google My Business ให้รองรับหลายภาษาเพื่อให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใจได้ง่าย
- การแสดงเนื้อหาในหลายภาษาจะช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มการเข้าถึง
90. ระบุบริการพิเศษหรือการรองรับเฉพาะกลุ่ม
- หากธุรกิจของคุณมีบริการเฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่มีความต้องการพิเศษ เช่น การเข้าถึงสำหรับผู้พิการหรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็ก ควรระบุข้อมูลเหล่านี้ในโปรไฟล์ Google My Business
- การมีข้อมูลเหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความสะดวกให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเพิ่มความโดดเด่นและการมองเห็นบน Google Maps ได้มากยิ่งขึ้นครับ
แน่นอนครับ ต่อไปนี้เป็นเทคนิคเพิ่มเติมในการทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นบน Google Maps ที่ไม่ซ้ำกับที่ได้กล่าวมาแล้ว:
91. สร้างเนื้อหาบทความบน Google Maps
- เขียนบทความหรือเนื้อหาที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจหรือบริการของคุณ เช่น เคล็ดลับการใช้งานผลิตภัณฑ์ บทความที่ช่วยแก้ปัญหาลูกค้า เป็นต้น คุณสามารถแชร์ลิงก์ไปยังบทความนี้บนโปรไฟล์ Google My Business ได้
- การมีบทความให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สามารถสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มโอกาสในการถูกค้นหาบน Google Maps
92. ใช้ API ของ Google Maps เพื่อนำแผนที่ไปใส่ในแอปพลิเคชันมือถือ
- หากธุรกิจของคุณมีแอปพลิเคชันมือถือ ให้ใช้ Google Maps API เพื่อฝังแผนที่ในแอปฯ ของคุณ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาที่ตั้งธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้นและนำทางโดยตรง
- การใช้ API จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีและความสะดวกในการเข้าถึงธุรกิจ
93. ส่งเสริมการให้ความช่วยเหลือสังคมและชุมชน
- ถ้าธุรกิจของคุณมีการจัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เช่น บริจาคเงิน สิ่งของ หรือการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน ควรอัปเดตข้อมูลนี้ใน Google My Business และระบุในรีวิวหรือโพสต์
- การมีส่วนร่วมในชุมชนจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจกับพื้นที่นั้นๆ
94. ใช้ “Review Snippets” ในการโฆษณา
- ใช้คำวิจารณ์ที่ดีที่สุดจากลูกค้าบน Google Reviews มาเป็น Review Snippets เพื่อแสดงในโพสต์หรือเว็บไซต์ของคุณ และใส่ลิงก์กลับไปยัง Google Maps โปรไฟล์ของธุรกิจ
- Review Snippets ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มความโปร่งใสให้กับธุรกิจ
95. จัดกิจกรรม Live Virtual Events
- จัดกิจกรรม Live Virtual Events ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และประกาศกิจกรรมนี้ใน Google My Business โดยเพิ่มรายละเอียดและลิงก์ไปยังกิจกรรม
- กิจกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและการรับรู้ที่ดีขึ้นจากผู้เข้าร่วม
96. แสดงความเป็นมิตรและการช่วยเหลือในทุกช่องทาง
- ตอบคำถามและรีวิวจากลูกค้าบน Google My Business อย่างเป็นมิตรและสร้างสรรค์เสมอ การให้ความช่วยเหลือและการรับฟังความคิดเห็นอย่างใส่ใจจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเลือกธุรกิจของคุณ
- การตอบรีวิวอย่างตรงไปตรงมาและมีท่าทีเป็นมิตรจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
97. ใช้เทคโนโลยี Beacon สำหรับการตลาดระยะใกล้
- หากธุรกิจของคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น สามารถใช้เทคโนโลยี Beacon เพื่อส่งข้อความการตลาดไปยังผู้ใช้งานที่อยู่ใกล้เคียงธุรกิจของคุณ
- Beacon ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาที่ธุรกิจได้ในขณะที่พวกเขาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
98. แสดงหลักสูตรการอบรมหรือสัมมนาที่จัดขึ้น
- ถ้าธุรกิจของคุณมีการจัดหลักสูตรการอบรมหรือสัมมนา ควรเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรหรือกิจกรรมใน Google My Business และสร้างลิงก์สำหรับการลงทะเบียน
- การแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการอบรมจะสร้างโอกาสในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาทักษะใหม่ๆ
99. สร้างแคมเปญ Collaboration กับธุรกิจใกล้เคียง
- ร่วมมือกับธุรกิจใกล้เคียงที่มีเป้าหมายลูกค้าคล้ายกัน เช่น ร้านอาหารใกล้สถานที่ท่องเที่ยว หรือร้านขายเครื่องดื่มใกล้ฟิตเนส จัดทำโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจพิเศษร่วมกัน และอัปเดตใน Google My Business
- การร่วมมือกับธุรกิจใกล้เคียงช่วยเพิ่มการมองเห็นและขยายกลุ่มเป้าหมาย
100. สร้างคำแนะนำและแสดงบทความในโปรไฟล์
- สร้างคำแนะนำหรือแนวทางการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น “เคล็ดลับการเลือกซ่อมรถอย่างไรให้คุ้มค่า” หรือ “5 เหตุผลที่ควรเลือกฟิตเนสที่มีเทรนเนอร์มืออาชีพ”
- การให้คำแนะนำเชิงคุณค่าในโปรไฟล์ช่วยเพิ่มการมองเห็นและสร้างความน่าสนใจให้กับธุรกิจ
หวังว่าเทคนิคเพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับการมองเห็นและสร้างความน่าสนใจบน Google Maps มากขึ้นครับ

ระยะเวลา ติดหน้าแรก Google Map
ระยะเวลาที่ธุรกิจของคุณจะติดหน้าแรกบน Google Maps (หรือในส่วนของผลการค้นหาท้องถิ่น) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยคล้ายกับการทำ SEO ทั่วไป แต่จะเน้นที่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท้องถิ่นมากกว่า โดยระยะเวลานี้อาจอยู่ในช่วง 1-3 เดือน สำหรับการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้:
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการติดอันดับบน Google Maps:
- ความสมบูรณ์ของข้อมูล Google My Business (GMB):
- ธุรกิจที่มีข้อมูลครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เช่น ชื่อธุรกิจ หมวดหมู่ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ รูปภาพ เวลาทำการ และคำอธิบายธุรกิจ มีแนวโน้มที่จะถูกจัดอันดับสูงขึ้นและรวดเร็วกว่า
- การใส่ คำหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องลงในชื่อธุรกิจ (โดยต้องไม่ใส่เกินจริง) หรือคำอธิบายธุรกิจ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสติดอันดับเร็วขึ้น
- ความถี่และคุณภาพของการรีวิว:
- การที่ธุรกิจได้รับ รีวิวเชิงบวก จำนวนมาก และรีวิวเหล่านั้นมีคุณภาพและสม่ำเสมอ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณติดอันดับได้เร็วขึ้น
- การตอบกลับรีวิวทุกครั้ง แสดงถึงการมีส่วนร่วมกับลูกค้า และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
- การอัปเดตโพสต์และกิจกรรมใน Google My Business:
- การอัปเดตโพสต์ เช่น ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น หรือกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำจะช่วยให้ Google รับรู้ว่าธุรกิจของคุณยังคงแอคทีฟและมีการให้ข้อมูลที่ทันสมัย
- การสร้างโพสต์ใหม่ที่มีคำหลักเชิงท้องถิ่นหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Google Maps
- การสร้างลิงก์ (Backlinks) และ Citation จากเว็บไซต์ท้องถิ่น:
- การได้รับลิงก์กลับจากเว็บไซต์ท้องถิ่น หรือจากแหล่งที่มีชื่อเสียง จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและช่วยเพิ่มอันดับให้เร็วขึ้น
- นอกจากนี้ การได้รับการอ้างอิง (Citation) จากไดเรกทอรีหรือเว็บไซต์ในพื้นที่ เช่น สมาคมการค้าหรือเว็บไซต์ที่รวบรวมธุรกิจในท้องถิ่น จะเป็นสัญญาณบอก Google ว่าธุรกิจนี้มีความน่าเชื่อถือ
- การจัดการโปรไฟล์และรูปภาพใน GMB:
- การเพิ่มและอัปเดตรูปภาพที่มีคุณภาพของธุรกิจ เช่น รูปภาพภายในร้าน ภายนอกร้าน หรือผลิตภัณฑ์ จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
- การตรวจสอบและแก้ไขความไม่สอดคล้องของข้อมูล:
- ความไม่สอดคล้องกันของข้อมูลธุรกิจ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ บนเว็บไซต์และ Google My Business อาจทำให้ Google มองว่าธุรกิจของคุณไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดอันดับ
ระยะเวลาโดยประมาณ:
- สำหรับธุรกิจที่ใหม่หรือยังไม่ได้รับการปรับแต่งข้อมูลมาก่อน การติดอันดับหน้าแรกใน Google Maps อาจใช้เวลา 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับจำนวนธุรกิจในพื้นที่เดียวกันและความสามารถในการปรับปรุงโปรไฟล์ของคุณ
- ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงอาจใช้เวลา 3-6 เดือน หรือมากกว่านั้นในการทำให้โปรไฟล์ของคุณโดดเด่นและติดอันดับได้
หากคุณมีการปรับปรุงโปรไฟล์และใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมเป็นประจำ ธุรกิจของคุณจะมีโอกาสที่ดียิ่งขึ้นในการติดอันดับหน้าแรกบน Google Maps
ข้อดีของการใช้วิธีเสียเงิน Google Map
การทำให้ธุรกิจของคุณติดอันดับหน้าแรกบน Google Maps ผ่านวิธีการที่เสียเงินมีอยู่หลายวิธี ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นและดึงดูดลูกค้าให้เข้าถึงธุรกิจของคุณได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง:
1. Google Ads (Local Search Ads)
- คุณสามารถใช้ Google Ads ในรูปแบบโฆษณาท้องถิ่น (Local Search Ads) ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏบนตำแหน่งที่โดดเด่นเมื่อมีการค้นหาธุรกิจในพื้นที่นั้น เช่น เมื่อมีคนค้นหาคำว่า “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” โฆษณาของคุณจะขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งพิเศษบน Google Maps พร้อมข้อมูลธุรกิจและลิงก์ที่นำไปสู่ Google My Business ของคุณ
- การทำโฆษณารูปแบบนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกมองเห็น แม้ว่าธุรกิจของคุณจะยังไม่มีอันดับสูงในผลการค้นหาทั่วไป
2. Google Local Services Ads
- สำหรับบางธุรกิจ เช่น ช่างซ่อม ทนาย นักบัญชี หรือนักการตลาด Google มีบริการที่เรียกว่า Local Services Ads ซึ่งจะปรากฏในตำแหน่งพิเศษของ Google Maps และหน้าแรกของ Google โดยจะมีป้ายกำกับว่าเป็นธุรกิจที่ได้รับการยืนยัน (Google Guaranteed)
- บริการนี้จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจมากขึ้นในการเลือกธุรกิจของคุณ และมีโอกาสสูงที่จะได้รับการติดต่อกลับโดยตรงจากลูกค้าที่ต้องการบริการ
3. การทำ SEO แบบมีที่ปรึกษามืออาชีพ (Local SEO Services)
- การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน Local SEO เพื่อปรับปรุงการตั้งค่า Google My Business และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำอันดับบน Google Maps ก็ถือเป็นวิธีการที่เสียเงินที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับได้
- ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยวิเคราะห์คำหลัก ปรับปรุงข้อมูลธุรกิจ เพิ่มรีวิวอย่างมีคุณภาพ และวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
4. บริการจัดการรีวิว (Reputation Management Services)
- มีบริการแบบเสียเงินที่ช่วยดูแลการจัดการรีวิวของคุณ เช่น การส่งคำขอรีวิวให้ลูกค้า การตอบกลับรีวิว หรือการแก้ไขปัญหาการจัดการรีวิว เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับบน Google Maps
ข้อดีของการใช้วิธีเสียเงิน:
- การมองเห็นที่รวดเร็ว: การใช้โฆษณาช่วยให้ธุรกิจของคุณถูกมองเห็นได้ในทันทีบน Google Maps หรือผลการค้นหา
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ: หากคุณเลือกใช้บริการ Google Local Services Ads ที่มาพร้อมกับการรับรองจาก Google จะช่วยให้ลูกค้าเชื่อถือในธุรกิจของคุณมากขึ้น
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ: การโฆษณาบน Google Ads สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
วิธีเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างการมองเห็นและการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ของคุณได้เร็วขึ้น
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
100 วิธี, ติดอันดับ Google Map, หน้าแรก, Google My Business, การปรับแต่ง SEO, การสร้างรีวิว, การจัดการรีวิว, โฆษณา Google Ads, Local Search Ads, Local Services Ads, คำหลัก, เนื้อหาคุณภาพ, การอัปเดตข้อมูล, การเพิ่มภาพถ่าย, ความน่าเชื่อถือ, การสร้างลิงก์, Citation, การทำตลาดออนไลน์, การตอบกลับรีวิว, การโพสต์ข่าวสาร, การใช้โซเชียลมีเดีย, ข้อมูลการติดต่อ, การใช้แผนที่, ประสบการณ์ลูกค้า, การให้บริการลูกค้า, การจัดอันดับธุรกิจ, กลยุทธ์การตลาด, การใช้คำค้นหา, การวิเคราะห์การแข่งขัน, การใช้คำหลักท้องถิ่น, ความเร็วเว็บไซต์, การใช้งานมือถือ, การทำโปรโมชั่น, การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า, การตรวจสอบข้อมูล, การเพิ่มข้อมูลธุรกิจ, การสร้างแบรนด์, การใช้สื่อออนไลน์, การมีส่วนร่วมของชุมชน, การสร้างเนื้อหาที่มีค่า, การปรับปรุงหน้าเว็บไซต์, การอัปเดตบริการใหม่, การให้ข้อเสนอพิเศษ, การมีส่วนร่วมในกิจกรรมท้องถิ่น, การส่งข่าวสาร, การใช้เว็บไซต์บล็อก, การใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ, การสร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจอื่น ๆ, การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์, การให้คำแนะนำจากลูกค้า, การสร้างชุมชนออนไลน์, การสร้างโปรไฟล์ที่ดึงดูด, การสำรวจตลาด, การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ, การพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ, การตรวจสอบผลลัพธ์, การวิเคราะห์ข้อมูล, การใช้ AI ในการตลาด, การสื่อสารกับลูกค้า, การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง, การเปิดบริการใหม่, การทำโปรโมชั่นที่สร้างสรรค์, การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด, การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลในการปรับกลยุทธ์, การสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสม, การติดตามแนวโน้มการค้นหา, การฝึกอบรมพนักงาน, การใช้รีวิวเป็นเครื่องมือการตลาด, การสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง, การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์, การวิเคราะห์คู่แข่ง, การใช้เครื่องมือ SEO, การพัฒนาแอปพลิเคชัน, การใช้งาน Google Analytics, การจัดการคำถามที่พบบ่อย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การรับฟังความคิดเห็นลูกค้า, การทำการตลาดแบบเน้นกลุ่มเป้าหมาย, การสร้างแคมเปญการตลาด, การให้บริการหลังการขาย, การสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์, การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า, การสร้างโปรแกรมความภักดี, การสร้างเนื้อหาที่มีค่า, การปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด, การใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการตลาด, หน้าแรก google map, google map engine, google map app, ดูทิศใน google map ยังไง, วิธีลบตําแหน่งใน google map, วิธีลบ google map, ลบแผนที่ google map, ลบ google map, เปิด google map, วิธีดูแผนที่ใน google map, ดูแผนที่ google maps แบบภาพจริง, google map ภาพจริง, google map my location, วิธีลงสถานที่ใน google map, แชร์ตําแหน่ง google map, google map หน้าแรก, google map thailand, google map engine, google map app, google map, google map thailand, world google map, my location now google map, google map เวอร์ชั่นล่าสุด, google map api, google map ขอเส้นทาง, my google map, mobile number tracker with google map, my current location on google map, การปักหมุดใน google map, กล้องจับความเร็ว google map, การใช้ google map, การปักหมุดร้านใน google map, การวัดระยะทางใน google map, การเพิ่มสถานที่ใน google map, การตั้งค่า google map, การวัดพื้นที่ใน google map, การหาละติจูด ลองติจูด google map, การทําแผนที่ google map, google map ข้อดี, google map ข้อเสีย, google map ของฉัน, google map ขับรถ, google map ขึ้น offline แก้ยังไง, ขอเส้นทาง google map, ขอระยะทาง google map, ขับรถ google map, ขั้นตอนการปักหมุด google map, ขอบเขต สน google map, ข้อใดไม่ใช่โหมดการเดินทางของ google map, ขอปักหมุด google map, ข้อดี ข้อ เสีย ของ google map, google map mapping mobile, google map mapping, google map mapping tool, google map คือ, google map ค้าง, google map ความเร็ว, google map ความหมาย, google map คํานวณระยะทาง, google map คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร, google map ค่าทางด่วน, google map ค้างบ่อย, google map คนเดิน, google map คํานวณความเร็ว, คํานวณระยะทาง google map, ค้นหาระยะทาง google map, คํานวณค่าทางด่วน google map, ค้นหาละติจูด google map, คํานวณพื้นที่จาก google map, ค้นหา google map, คัดลอกแผนที่ google map, คัดลอกพิกัด google map, ความเร็วใน google map, คิวอาร์โค้ด google map, google map ai, google map งาน, งานวิจัย google map, งาน google map, หา-ตํา-แห-น่-ง-เบอร์-มือ-ถือ google map, ใช้ งาน google map นําทาง, วิธี การ ใช้ งาน google map, google map จราจร, จะปักหมุดใน google map, จังหวัดที่เคยไป google map, จุดที่เรือไททานิคจม google map, จ้างรีวิว google map, จีนใช้อะไรแทน google map, จําลองการเดินทาง google map, จําลองเส้นทาง google map, จันทบุรี google map, จราจร google map, google map ฉันอยู่ที่ไหน, google map ฉะเชิงเทรา, วิธีการใช้ google map ฉบับ สมบูรณ์ pdf, วิธี การ สร้าง google map ฉบับ สมบูรณ์, ฉะเชิงเทรา แผนที่ google map, ฉะเชิงเทรา google map.